โช๊ค MONOTUBE VS TWINTUBE แตกต่างกันอย่างไร
สิ่งที่ทำ ให้รถยนต์ของเรา ขับขี่ได้แบบนุ่มนวล เพราะ มีโช๊คอัพคอยซับแรงกระแทก โช๊คอัพ จะทำหน้าที่ลดแรงดีดของสปริง จากแรงสะเทือน ที่ส่งมาจากพื้นถนน ยิ่งถนนขรุขระมาก แรงสะเทือนยิ่งมากตามไปด้วย รถก็จะดีดเด้งไปมาตามแรงนั้น แต่โช๊คอัพจะช่วยซับแรงนั้นและเพิ่มความหนืดให้กับช่วงล่าง ช่วยให้ขับนิ่มขึ้นและเกาะพื้นถนนมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของโช๊คอัพแบบมาตรฐาน Twintube แรงเสียดสีภายในกระบอกมีน้อย โช๊คอัพรั่วยาก
ข้อเสียของโช๊คอัพแบบมาตรฐาน Twintube สะสมความร้อนมากกว่า มีโอกาสเกิดฟองอากาศได้ง่ายกว่า ทำให้ความนุ่มหนึบหายไป จึงไม่เหมาะกับการขับขี่ในระยะทางไกล ๆ
โช๊คอัพแบบ Monotube
โช๊คอัพแบบ Monotube หรือกระบอกเดี่ยว เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้การขับขี่ที่นุ่มนวลและแน่นหนึบมากยิ่งขึ้น ตัวกระบอกสูบเป็นกระบอกเดี่ยว ๆ ไม่ได้ถูกแบ่งเป็น 2 ชั้น จึงสามารถบรรจุน้ำมันไฮดรอลิกได้เยอะกว่าแบบ Twintube จึงตอบสนองและดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่า
น้ำมันและแก๊สภายในกระบอกแบบ Monotube จะถูกตัวลูกสูบกั้นเอาไว้ โดยด้านบนเป็นส่วนของน้ำมัน ส่วนแก๊สจะอยู่ด้านล่างของกระบอก เมื่อแรงกระแทกดันตัวโช๊คอัพยุบตัวลง ลูกสูบจะดันน้ำมันลงมาจนเกิดแรงดันจากส่วนของแก๊สที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเกิดแรงดันมากขึ้น แก๊สด้านล่างก็จะดันตัวลูกสูบให้เคลื่อนตัวสูงขึ้นจนกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม
- น้ำมันไฮดรอลิกเยอะกว่า จึงตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ลูกสูบใหญ่กว่า รับแรงกระแทกได้เยอะกว่า
- ระบายความร้อนได้ดีกว่า โอกาสเกิดฟองในน้ำมันจึงน้อยกว่า เหมาะกับการขับขี่ระยะทางไกล
- ถ้าจะอัดน้ำมันใหม่ ทำได้ง่ายกว่าแบบ Twintube เพราะสามารถเปิดฝากระบอกโช้คอัพออกได้ง่าย ๆ ด้วยการขันนอตสกรูเท่านั้น
ก็มีโช๊คมากมายหลายแบบให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกัน สำหรับบทความนี้ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก PROFENDER
โทร 063 532 8293 , 095 179 4999